[PANTIP] รีวิวตะลุยเดี่ยวเที่ยวกัมพูชา พนมเปญ-นครวัด 5 วัน 4 คืน ง่ายๆ สบายๆ วันที่ 1
ตอนนี้ขอรวมบทความในพันทิพย์ที่ https://pantip.com/topic/32264663 มารวมไว้เป็นบทความเดียวหน่อยแล้วกัน พวกไม่ค่อยมีเวลาสิงพันทิพอย่างผมจะได้อ่านง่ายลงหน่อย เพราะดูแล้วในพันทิพกว่าจะขึ้นแต่ละตอนนี้ขาดช่วงจังเลย
ก่อนจะเข้าไปยังเรื่องที่คุณหมายเลขสมาชิก 1430116 เขียนไว้ใน pantip.com ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2557 ผมขอเล่าเรื่องที่ผมสนใจในประเทศกัมพูชาหรือที่เราเรียกกันติดปากว่า "เขมร" กันก่อนสักนิดนึง คือใครจะบอกว่าผมเจ้าชู้ก็ได้เพราะผมรู้สึกว่าผู้หญิงแต่หลายๆคนมีอะไรบางอย่างในการดึงดูดให้ผมสนใจได้เสมอและที่เขมรก็คล้ายกัน แต่ว่าหญิงที่ดึงดูดให้ผมอยากจะเดินทางไปเขมรจนต้องหารีวิวของชาวบ้นมาแปะในบล็อกไว้อ่านก็คือรูปปั้นนางในวรรณคดีที่เราจะเห็นได้บ่อยๆตามวัด ซึ่งพอผมได้เห็นแล้วผมว่าผู้หญิงเหล่านั้นสวยเอามาก และก็เคยได้ยินเรื่องเล่ามาว่าที่กัมพูชามีรูปปั้นนางในวรรณคดีนับพันที่หน้าตาไม่ซ้ำกันเลย ทำให้ผมเองอยากจะเดินทางไปยิ้มให้สาวๆเหล่านั้นดูสักหน่อย
https://pantip.com/topic/32264663
ก่อนจะเข้าไปยังเรื่องที่คุณหมายเลขสมาชิก 1430116 เขียนไว้ใน pantip.com ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2557 ผมขอเล่าเรื่องที่ผมสนใจในประเทศกัมพูชาหรือที่เราเรียกกันติดปากว่า "เขมร" กันก่อนสักนิดนึง คือใครจะบอกว่าผมเจ้าชู้ก็ได้เพราะผมรู้สึกว่าผู้หญิงแต่หลายๆคนมีอะไรบางอย่างในการดึงดูดให้ผมสนใจได้เสมอและที่เขมรก็คล้ายกัน แต่ว่าหญิงที่ดึงดูดให้ผมอยากจะเดินทางไปเขมรจนต้องหารีวิวของชาวบ้นมาแปะในบล็อกไว้อ่านก็คือรูปปั้นนางในวรรณคดีที่เราจะเห็นได้บ่อยๆตามวัด ซึ่งพอผมได้เห็นแล้วผมว่าผู้หญิงเหล่านั้นสวยเอามาก และก็เคยได้ยินเรื่องเล่ามาว่าที่กัมพูชามีรูปปั้นนางในวรรณคดีนับพันที่หน้าตาไม่ซ้ำกันเลย ทำให้ผมเองอยากจะเดินทางไปยิ้มให้สาวๆเหล่านั้นดูสักหน่อย
ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมเป็นนักศึกษาปริญญาโท ช่วงหยุดยาวก่อนสอบมีเวลาเกือบ 20 วัน จึงหาโอกาสไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านดูครับ เลือกมา 1 ประเทศคือ กัมพูชาโดยมีจุดมุ่งหมายคือการไปดูสถานที่จริงจากเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ยุคเขมรแดงและการไปชมนครวัด-นครธมครับ
เห็นมีหลายกระทู้ที่ได้มารีวิวไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ผมเองก็อาศัยอ่านจากหลายๆคน ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกกัมพูชา ดังนั้นหวังว่ากระทู้ของผมจะเป็นประโยชน์ต่อหลายๆท่านที่มีความคิดอยากจะลองเดินทางไปสัมผัสกับประเทศเพื่อนบ้านของเราแห่งนี้ด้วยตัวของท่านเองแบบไม่ต้องพึ่งพาไกด์นะครับ
มาเริ่มกันเลยดีกว่า ผมออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองด้วยสายการบินแอร์เอเชียครับ ใช้เวลาในการเดินทางทั้งสิ้น 1 ชั่วโมงโดยประมาณ เดินทางจากกรุงเทพไปถึงกรุงพนมเปญครับ ก่อนหน้าที่เราจะเดินทาง เราก็ทำการแลกเงินดอลลาร์ให้เรียบร้อยที่สนามบินดอนเมืองเพราะที่กัมพูชาเขาใช้เงินดอลลาร์กันเป็นปกติครับ แม้ว่าจะมีสกุลเงินเรียลเป็นของตนเองก็ตาม แต่ราคาสินค้าส่วนใหญ่มักจะขายกันเป็นดอลลาร์ครับ ในช่วงที่ผมเดินทาง ( ต้นเดือนพฤษภาคม 2557 ) อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 1 ดอลลาร์ต่อ 4,000 เรียลครับ จริงๆถ้าเราไม่เดินทางโดยเครื่องบิน จะเดินทางโดยรถบัสก็ได้นะครับ แต่ผมไม่ค่อยแนะนำนะครับเพราะถนนระหว่างเสียมเรียบไปพนมเปญยังกันดารอยู่มากและระยะทางค่อนข้างไกลครับ
พอมาถึงสนามบิน จะมีเจ้าหน้าที่คอยถามเราว่า " Thailand? " ซึ่งเราก็สามารถเดินเข้าไปในช่องตรวจได้เลย ไม่ต้องยุ่งยากเรื่องวีซ่าแบบพวกฝรั่งครับ พอเดินออกมาที่หน้าสนามบิน ก็จะเจอกับบรรดาคนขับแท็กซี่และตุ๊กๆซึ่งมีจำนวนเยอะมาก ราคาก็แล้วแต่จะต่อรองกันครับ แต่แน่นอนว่าแพงกว่าด้านนอกสนามบินอยู่แล้ว ของผมโดนไป 7 ดอลลาร์ให้ตุ๊กๆ เข้ามาส่งในเมืองครับ ( จริงๆแนะนำว่า ถ้ามีเวลามากก็อาจจะใช้วิธีเดินหนีได้เหมือนกันนะครับ ต่อราคาไปเรื่อยๆ แล้วเดินหนี เดี๋ยวก็จะได้ราคาถูกเอง )
พอเราขึ้นตุ๊กๆมา ทุกคันก็จะมีโบชัวร์ไว้แนะนำนักท่องเที่ยวแบบนี้นะครับ ส่วนใหญ่แล้วเขาจะหวังจับนักท่องเที่ยวจากสนามบินเนี่ยแหละ คือไปส่งแล้ว ก็จะพยายามพูดเกลี่ยกล่อมให้นักท่องเที่ยวใช้บริการเขาต่อเลยในวันถัดๆไป เราก็ลองต่อราคาดูได้ครับ จะเห็นได้ว่ามีสถานที่น่าสนใจเยอะพอสมควร แต่ต้องลองศึกษาเส้นทางกันดีๆนะครับเพราะบางสถานที่มันจะไกลกันมากๆ เช่น พระราชวังกับ Udong Hill ห่างกัน 30 กว่ากิโลเลยนะครับ ผมเลือกที่จะเก็บสถานที่สำคัญๆในเมืองให้ครบครับ เลยไม่ได้ออกไปตามรอบนอก สนนราคาอยู่ที่ 20 ดอลลาร์ต่อวันครับ ผมจะไม่ต่อราคาจนเขี้ยวนะครับเพราะผมถือว่ายอมจ่ายแพงหน่อย แต่ขอให้เขาบริการเราให้ดีก็พอ ส่วนใหญ่แล้วผมจะเลี้ยงข้าวกลางวันคนขับรถด้วยนะครับ จ่ายแพงขึ้นอีกหน่อย แต่รับรองว่าคุ้มครับ ทั้งได้รับบริการที่ดี แถมพี่คนขับยังเล่านู้นเล่านี้เกี่ยวกับบ้านเมืองเขาให้ฟังเยอะมากครับ รวมถึงเรื่องการเมืองบ้านเราด้วย...อุ๊บ !
ที่พนมเปญนี่การจราจรเกือบจะเรียกว่าเป็นการจราจลได้เลยนะครับ รถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์เยอะมาก ไอ้เยอะนะไม่เท่าไร แต่ที่น่ากลัวสำหรับคนไทยก็คือ ที่นี่ไม่มีสะพานลอยครับ ไฟแดงก็มีน้อยมาก เขาใช้วิธีต่างคนต่างขับไปครับ บีบแตรให้สัญญาณกันให้ดีก็แล้วกัน ถึงแม้ว่ารถที่นี่จะขับอย่างไร้ระเบียบ สังเกตจากภาพดูนะครับ การขับย้อนเลนเป็นเรื่องปกติมากที่นี่
การข้ามถนนเป็นสิ่งที่ท้าทายมากครับ ถนน 4 เลน รถแล่นสวนกันไปมาอย่างรวดเร็ว ที่สำคัญไม่มีสะพานลอยครับ วิธีข้ามก็คือ ทำใจนิ่งๆ กะระยะดีๆ ( แต่เอาเข้าจริงก็กะไม่ค่อยจะได้หรอกครับ รถมาไวมาก ) จากนั้นก้าวขาเดินออกไป รักษาจังหวะให้ดี อย่าเดินเร็วหรือช้ากว่าจังหวะที่เดินในช่วงแรกครับเพราะรถที่นี่เขาจะกะระยะในใจว่าเราจะเดินเร็วแค่ไหน แล้วเขาจะคำนวณการหลบเราอยู่แล้วครับ แต่กระนั้นก็ต้องระวังให้มากๆครับ ข้ามถนนที่นี่เสียวจริงๆครับ ข้ามถนนที่นี่ได้ กลับมากทม. ข้ามสบายเลยครับ เหมือนจบปริญญาเอกการข้ามถนนมาแล้ว ลองดูจากในภาพนะครับ เป็นแบบนี้จริงๆเลย
ตอนที่ผมไปถึงก็เป็นช่วงเย็นๆแล้วครับ เช็คอินโรงแรมเรียบร้อยก็ออกเดินชมเมืองสักหน่อย โรงแรมผมตั้งอยู่บริเวณกลางใจเมือง เรื่องโรงแรมเดี๋ยวค่อยแนะนำก็แล้วกันครับ โรงแรมที่ผมไปพักดีมาก แถมราคาถูกด้วย ออกจากโรงแรม เดินมาเรื่อยๆราวๆ 10 นาทีก็มาถึงสถานที่สำคัญแห่งแรกคือ วิมานเอกราชครับ เป็นอนุสาวรีย์ที่รำลึกถึงการได้เอกราชจากฝรั่งเศส สร้างขึ้นในปี 1958 หลังจากได้รับเอกราชราวๆ 5 ปีครับ แนะนำให้มาเดินชมยามค่ำคืนจะสวยงามมาก
เดินต่อจากวิมานเอกราชมาอีกนิดเดียวก็จะเป็นพระบรมราชนุสาวรีย์ของสมเด็จพระนโรดม สีหนุครับ
บริเวณรอบๆพระบรมราชานุสาวรีย์ก็จะเป็นลานสาธารณะ จะมีทั้งวัยรุ่นและผู้สูงอายุมาออกกำลังกายครับ ส่วนใหญ่จะเต้นแอโรบิคกัน การเต้นของที่นี่จะไม่ได้เต้นกันแบบบ้านเรานะครับ เขาจะมายืนเข้าแถวกันและเดินซ้าย เดินขวาเป็นระเบียบพร้อมเพียงกัน คล้ายๆบัดสลบของลาวครับ
บริเวณนั้นก็จะมีน้ำพุเต้นระบำด้วย วัยรุ่นหนุ่มสาวนิยมมานั่งพลอดรักกันครับ
ตอนเดินกลับโรงแรม บังเอิญอยู่ในเหตุการณ์ที่รถชนกันพอดีครับ เป็นมอเตอร์ไซค์มีข้าวของพะลุงพะลัง โดนรถยนต์ชนเข้าอย่างจัง แต่เคราะห์ดีที่ไม่มีใครเป็นอะไร ผมก็ขอเป็นไทยมุงยืนดูเหตุการณ์ด้วย แต่แปลกครับ คือถ้าเป็นบ้านเราเนี่ย คงต้องไปโรงพักกันเพราะรถมอเตอร์ไซค์กระจกข้างแตกด้วย แถมข้าวของกระจุยกระจายหมดเลย ปรากฏว่าตำรวจมาถึงก็พยุงสาวเจ้าของมอเตอร์ไซค์ขึ้นมา ถามว่าเจ็บตรงไหนไหม พอบอกไม่เจ็บ ต่างคนก็ต่างแยกย้าย งงเลยสิครับ เศษกระจกข้างยังเกลื่อนเต็มถนน แยกย้ายกันเฉยเลย
ก่อนกลับเข้าโรงแรมก็แวะซื้ออะไรกินที่ร้านสะดวกซื้อสักหน่อย ที่นี่ไม่มี 7-11 นะครับ เป็นร้านสะดวกซื้อที่ตั้งกันเอง แทบจะทุกร้านจะมีลักษณะเหมือนกัน คือจะขายของทั่วๆไป แล้วยังขายอาหารด้วย หิวก็เดินเข้าไปสั่งกินในร้านได้เลยครับ พนักงานที่นี่บริการดีครับ ผมซื้อมาม่าเป็นถ้วย จ่ายเงินเสร็จ เขาถามว่าทานเลยไหม แล้วเขาก็จัดการให้ทุกอย่างให้เสร็จสรรพ แกะซองเครื่องปรุง เทน้ำร้อน บริการให้ฟรีครับ
ได้ของเสร็จก็สามารถมานั่งสบายๆ ทานในร้านได้เลย นั่งนานแค่ไหนก็ไม่มีไล่ครับ ผมไปนั่งชมวิวมาแล้ว ตากแอร์ สบายดี เก้าอี้บาร์แบบนี้มีกันเกือบทุกร้านครับ
จบลงไปแล้วกับการเดินทางวันที่หนึ่งสำหรับกระทู้พันทิพของคุณหมายเลขสมาชิก 1430116 ซึ่งในพันทิพจะเขียนติดกันหลายๆวัน แต่ผมขอแยกเป็นวันเพื่อที่ผมจะได้กลับมาอ่านได้ง่ายขึ้นในวันหลัง เพราะวันที่คัดลอกมานี้ผมก็ยังไม่ได้อ่านแบบละเอียดเลยครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น